พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
หลวงปู่เผือก วั...
หลวงปู่เผือก วัดโมลี
เหรียญที่ระลึกเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระราชปรีชามุนี เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง
#ประวัติหลวงปู่เผือก วัดโมลี(พระราชปรีชามุนี)
หลวงปู่เดิมชื่อเผือก ทั้งนี้บิดามารดาของท่านเห็นว่าเป็นคนผิวขาวเหมือนเผือก จึงตั้งชื่อท่านว่าเผือก บิดาท่านชื่อว่า บุญโยม มารดาชื่อ จ้อน(นามสกุลเดิม บัวปรี)หลวงพ่อชาตะเมื่อวันพุธ เดือน6ขึ้น3ค่ำ ปีมะแม พ.ศ.2426 ณ.ที่บ้านหาดชะอม ตำบล.ยางสูง อำเภอ.ขาณุวรลักษณบุรี จังหวัดกำแพงเพชร มีพี่น้องร่วมกัน5คน หลวงพ่อใช้นามสกุล จุลพันธ์
1.หลวงพ่อพระราชปรีชามุนี(เผือก)
2.นายจาด บัวปรีย์
3.นายเหว่า บัวปรีย์
4.นายวอน บัวปรีย์
5.นางอิง หลำตี
เมื่อวัยเยาว์ได้รับการอบรมหนังสือไทย ในสำนักวัดอุดมศรัทธาราม ซึ้งเป็นวัดที่อยู่ใก้ลบ้านท่าน โดยครูเป็นพระในวัดเป็นผู้สั้งสอนทั้งศีลธรรมและอักขระ พออ่านออกเขียนได้
พออายุครบบวช จึงได้อุปสมบทที่วัดโบสถ์ ตำบลบางแก้ว อำเภอ.บรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีพระอธิการแหยม วัดบ้านแคน จังหวัดนครสวรรค์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมบาล(ป๊อก)วัดสว่างอารมณ์ จังหวัดกำแพงเพชรเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูถิรธรรม(เคลือบ)วัดอุดมศรัทธาราม จังหวัดกำแพงเพชร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทเรียบร้อยแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดอุดมศรัทธาราม1พรรษา เพื่อปฎิบัติอุปัชฌาย์ อาจาริยวัตรและศึกษาพระปริยัติธรรม ครั้น
พ.ศ.2447 ได้ย้ายไปอยู่วัดวังหินท้ายน้ำ พิจิตร เพื่อศึกษาวิปัสนาธุระ
พ.ศ.2447 ได้ย้ายไปอยู่วัดตะโก บางคลาน จ.พิจิตร เพื่อเรียนคันถธุระ
พ.ศ.2451 ได้กลับวัดอุดมศรัทธาราม ภูมิลำเนาเดิม
พ.ศ.2452 ได้ย้ายไปอยู่วัดระฆังโฆษิตาราม บางกอกน้อย ธนบุรี เพื่อเรียนพระปริยัติธรรม
2458 ได้ย้ายมาอยู่วัดโมลี บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี จนกระทั้งสิ้นชีพ
#ชีวิตของหลวงพ่อ
พ.ศ 2452 ได้มูลกจจายนะ1คัมภีร์ (ไม่ได้สอบไล่)
พ.ศ.2462 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะหมวด บางใหญ่ แขวงบางบัวทอง นนทบุรี
พ.ศ2464 ได้เป็นพระครู เจ้าคณะแขวงบางบัวทอง นนทบุรี ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับสัญญาบัตรเป็นพระครูนนทปรีชา เจ้าคณะแขวงบางบัวทองและบางใหญ่ นนทบุรี
พ.ศ2471 ได้จัดตั้งโรงเรียนธรรมบาลี สำนักวัดโมลี และเป็นผู้อุปการะบำรุงด้วย
พ.ศ2473. เป็นกรรมการตรวจประโยคนักธรรมตรี. สนามหลวง
พ.ศ2475 เป็นกรรมการศึกษาประจำอำเภอบางใหญ่
พ.ศ2479 เป็นผู้อำนวยการศึกษาอบรมปริยัติธรรม ประจำแขวงบางบัวทองและบางใหญ่
8มิ.ย.พศ.2490 ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระราชคณะมีนามว่า พระราชปรีชามุนี(ชั้นสามัญ)
5.ธ.ค.พ.ศ.2504 พระราชปรีชานนทมุนี(ชั้นราช)
#ก่อนที่หลวงพ่อจะจากไป
แม้ว่าวัยอันชราของหลวงพ่อซึ่งอายุ 84 ปีแล้วก็ตาม หลวงพ่อเป็นคนแข็งแรง หลวงพ่อได้ออกตรวจตราบริเวณวัดเป็นประจำก่อนที่ท่านจะจากไปประมาณ 5 วัน ขณะที่หลวงพ่อกำลังก้าวออกมาจากกุฎินั้น พอดีประจวบกับประตูไม่ได้ใส่กลอน เมื่อหลวงพ่อเอื้อมมือออกมาหวังดันออกไปนั้นประตูไม่ได้ใส่กลอนซึ่งหลุดออกไป หลวงพ่อจึงได้ล้มลงไปในขณะนั้น ทำให้แขนทางด้านขวาบวมช้ำ แต่ได้หมอมารักษาจนหายปกติ และในช่วงเวลา 2-3 วันเท่านั้น หลวงพ่อได้ลงไปสั่งงานรื้อกุฏิเพื่อสร้างใหม่แก่บรรดาศานุศิษย์ที่มาช่วย และพอดีในเย็นวันที่ 29 กันยา 08 พุธขึ้น 4 ค่ำเดือน 11 เวลาประมาณ 16.30 น. หลวงพ่อได้บอกกับศิษย์ว่าเจ็บแขน บรรดาศานุศิษย์ซึ่งได้พยุงหลวงพ่อขึ้นกุฏิ และได้ให้หลวงพ่อนอนพักผ่อน ศานุศิษย์จึงได้ใช้ผ้าเช็ดตัวหลวงพ่อ และให้หลวงพ่อนอนพักผ่อน เมื่อเห็นพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว บรรดาศิษย์จึงได้ลงมาทำงานต่อไปอีกเป็นเวลาสัก 30 นาที จึงได้ขึ้นไปเยี่ยมหลวงพ่ออีก ทุกคนมองได้มองไปที่ร่างหลวงพ่อยังคงนอนสงบนิ่ง และได้เห็นน้ำลายใสๆ ไหลออกมาทางปากเล็กน้อย บรรดาศิษย์จึงได้ไปเช็ดให้ขณะที่ท่านหลับตาอยู่เช่นนั้น เมื่อปรากฎเช่นนี้
บรรดาศานุศิษย์คิดว่าหลวงพ่อคงจะมีอาการเจ็บป่วยมากทีเดียว เพราะหลวงพ่อเป็นคนสะอาดและไม่เคยที่จะปรากฎการเช่นนี้ จึงได้รีบไปตามหมอ แต่ดูเหมือนโชคจะไม่ใคร่ดีสักหน่อย เนื่องจากหมอประจำตัวหลวงไม่อยู่เสียจึงได้ไปรับหมออื่นมา เมื่อหมอมาถึงได้ทำการตรวจและดูอยู่ขณะหนึ่ง หมอจึงบอกว่า " ลมหายใจน้อย" บรรดาศานุศิษย์ได้เห็นเช่นนั้นจึงได้รีบจัดเรือส่งโรงพยาบาลจังหวัดโดยด่วน แม้ว่าเวลาจะล่วงเข้าเกือบสามทุ่มแล้วก็ตาม เพราะบรรดาศานุศิษย์ทุกคนปรารถนาไว้ว่าจะพยายามพยาบาลหลวงพ่อให้ดีที่สุดในชีวิต แต่แล้วพอเรือออกมาจากวัดได้ประมาณ 10 กว่านาที หมอได้ร่วมไปกับเรือหลวงพ่อได้บอกกับศานุศิษย์ว่าหลวงพ่อได้เสียแล้ว ทุกคนตกตลึง
ด้วยคาดไม่ถึงว่าหลวงพ่อจะรีบด่วนจากไปเสียก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล ที่บรรดาศานุศิษย์ตั้งใจจะพยาบาลหลวงพ่อ ทุกคนจึงเร่งรีบให้ถึงโรงพยาบาลเร็วที่สุด แต่ก็หมดหวังเสียแล้ว จึงได้พาร่างของหลวงพ่อกลับมาสู่ ณ ที่หลวงพ่อเคยพำนักอยู่ตลอดมาเป็นเวลา 40 ปีเศษ ทิ้งความเศร้าโศรกแก่ศานุศิษย์เป็นอย่างยิ่ง
แต่ก็เป็นกฎของธรรมชาติที่มีเวียนว่ายตายเกิด แต่ใครเล่าจะอดเศร้าใจเสียมิได้ในเมื่อร่มโพธิร่มไทรที่พักพิงอย่างร่มเย็นนั้น บัดนี้ได้สิ้นไปแล้วไม่มีวันกลับมาอีก
ถ้าหากดวงวิญญาณของหลวงพ่อสถิตอยู่ ณ ที่ใด ขอหลวงพ่อจงได้ปกป้องรักษาคุ้มครองศานุศิษย์ของหลวงพ่อนั้นด้วยเทอญ
พระคุณท่านได้จากไปแล้วแต่ บารมีของหลวงปู่ยังคงอยู่ตลอดไป
หลวงปู่มรณภาพเมื่อวันที่ 29. ก.ย. 08 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 11 วันพุธ เวลา 4 ทุ่ม 40 นาที
ผู้เข้าชม
3704 ครั้ง
ราคา
-
สถานะ
ขายแล้ว
โดย
ชื่อร้าน
ตั้มฅนนนท์
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
taurus11mm
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 006-1-39808-2
2. ธนาคารไทยพาณิชย์ / 403-4-82856-3

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
เจริญสุขหริด์ เก้าแสนหนึ่ง ทุ่งสงนายสามหมอเปียโนบ้านพระหลักร้อย
บ้านพระสมเด็จapinanbestza1781jochoศิลาแลงtermboon
BAINGERNเทพจิระแมวดำ99Nithipornแจ๊บ ดินแดงชยันโต
แจ่มด้วง เกิดผลสีหราชchathanumaanchaithawatเนินพระ99
Leksoi8NongBossTotoTatoทองธนบุรีแหลมร่มโพธิ์Poomat

ผู้เข้าชมขณะนี้ 1328 คน

เพิ่มข้อมูล

หลวงปู่เผือก วัดโมลี




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
หลวงปู่เผือก วัดโมลี
รายละเอียด
เหรียญที่ระลึกเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระราชปรีชามุนี เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง
#ประวัติหลวงปู่เผือก วัดโมลี(พระราชปรีชามุนี)
หลวงปู่เดิมชื่อเผือก ทั้งนี้บิดามารดาของท่านเห็นว่าเป็นคนผิวขาวเหมือนเผือก จึงตั้งชื่อท่านว่าเผือก บิดาท่านชื่อว่า บุญโยม มารดาชื่อ จ้อน(นามสกุลเดิม บัวปรี)หลวงพ่อชาตะเมื่อวันพุธ เดือน6ขึ้น3ค่ำ ปีมะแม พ.ศ.2426 ณ.ที่บ้านหาดชะอม ตำบล.ยางสูง อำเภอ.ขาณุวรลักษณบุรี จังหวัดกำแพงเพชร มีพี่น้องร่วมกัน5คน หลวงพ่อใช้นามสกุล จุลพันธ์
1.หลวงพ่อพระราชปรีชามุนี(เผือก)
2.นายจาด บัวปรีย์
3.นายเหว่า บัวปรีย์
4.นายวอน บัวปรีย์
5.นางอิง หลำตี
เมื่อวัยเยาว์ได้รับการอบรมหนังสือไทย ในสำนักวัดอุดมศรัทธาราม ซึ้งเป็นวัดที่อยู่ใก้ลบ้านท่าน โดยครูเป็นพระในวัดเป็นผู้สั้งสอนทั้งศีลธรรมและอักขระ พออ่านออกเขียนได้
พออายุครบบวช จึงได้อุปสมบทที่วัดโบสถ์ ตำบลบางแก้ว อำเภอ.บรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีพระอธิการแหยม วัดบ้านแคน จังหวัดนครสวรรค์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมบาล(ป๊อก)วัดสว่างอารมณ์ จังหวัดกำแพงเพชรเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูถิรธรรม(เคลือบ)วัดอุดมศรัทธาราม จังหวัดกำแพงเพชร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทเรียบร้อยแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดอุดมศรัทธาราม1พรรษา เพื่อปฎิบัติอุปัชฌาย์ อาจาริยวัตรและศึกษาพระปริยัติธรรม ครั้น
พ.ศ.2447 ได้ย้ายไปอยู่วัดวังหินท้ายน้ำ พิจิตร เพื่อศึกษาวิปัสนาธุระ
พ.ศ.2447 ได้ย้ายไปอยู่วัดตะโก บางคลาน จ.พิจิตร เพื่อเรียนคันถธุระ
พ.ศ.2451 ได้กลับวัดอุดมศรัทธาราม ภูมิลำเนาเดิม
พ.ศ.2452 ได้ย้ายไปอยู่วัดระฆังโฆษิตาราม บางกอกน้อย ธนบุรี เพื่อเรียนพระปริยัติธรรม
2458 ได้ย้ายมาอยู่วัดโมลี บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี จนกระทั้งสิ้นชีพ
#ชีวิตของหลวงพ่อ
พ.ศ 2452 ได้มูลกจจายนะ1คัมภีร์ (ไม่ได้สอบไล่)
พ.ศ.2462 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะหมวด บางใหญ่ แขวงบางบัวทอง นนทบุรี
พ.ศ2464 ได้เป็นพระครู เจ้าคณะแขวงบางบัวทอง นนทบุรี ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับสัญญาบัตรเป็นพระครูนนทปรีชา เจ้าคณะแขวงบางบัวทองและบางใหญ่ นนทบุรี
พ.ศ2471 ได้จัดตั้งโรงเรียนธรรมบาลี สำนักวัดโมลี และเป็นผู้อุปการะบำรุงด้วย
พ.ศ2473. เป็นกรรมการตรวจประโยคนักธรรมตรี. สนามหลวง
พ.ศ2475 เป็นกรรมการศึกษาประจำอำเภอบางใหญ่
พ.ศ2479 เป็นผู้อำนวยการศึกษาอบรมปริยัติธรรม ประจำแขวงบางบัวทองและบางใหญ่
8มิ.ย.พศ.2490 ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระราชคณะมีนามว่า พระราชปรีชามุนี(ชั้นสามัญ)
5.ธ.ค.พ.ศ.2504 พระราชปรีชานนทมุนี(ชั้นราช)
#ก่อนที่หลวงพ่อจะจากไป
แม้ว่าวัยอันชราของหลวงพ่อซึ่งอายุ 84 ปีแล้วก็ตาม หลวงพ่อเป็นคนแข็งแรง หลวงพ่อได้ออกตรวจตราบริเวณวัดเป็นประจำก่อนที่ท่านจะจากไปประมาณ 5 วัน ขณะที่หลวงพ่อกำลังก้าวออกมาจากกุฎินั้น พอดีประจวบกับประตูไม่ได้ใส่กลอน เมื่อหลวงพ่อเอื้อมมือออกมาหวังดันออกไปนั้นประตูไม่ได้ใส่กลอนซึ่งหลุดออกไป หลวงพ่อจึงได้ล้มลงไปในขณะนั้น ทำให้แขนทางด้านขวาบวมช้ำ แต่ได้หมอมารักษาจนหายปกติ และในช่วงเวลา 2-3 วันเท่านั้น หลวงพ่อได้ลงไปสั่งงานรื้อกุฏิเพื่อสร้างใหม่แก่บรรดาศานุศิษย์ที่มาช่วย และพอดีในเย็นวันที่ 29 กันยา 08 พุธขึ้น 4 ค่ำเดือน 11 เวลาประมาณ 16.30 น. หลวงพ่อได้บอกกับศิษย์ว่าเจ็บแขน บรรดาศานุศิษย์ซึ่งได้พยุงหลวงพ่อขึ้นกุฏิ และได้ให้หลวงพ่อนอนพักผ่อน ศานุศิษย์จึงได้ใช้ผ้าเช็ดตัวหลวงพ่อ และให้หลวงพ่อนอนพักผ่อน เมื่อเห็นพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว บรรดาศิษย์จึงได้ลงมาทำงานต่อไปอีกเป็นเวลาสัก 30 นาที จึงได้ขึ้นไปเยี่ยมหลวงพ่ออีก ทุกคนมองได้มองไปที่ร่างหลวงพ่อยังคงนอนสงบนิ่ง และได้เห็นน้ำลายใสๆ ไหลออกมาทางปากเล็กน้อย บรรดาศิษย์จึงได้ไปเช็ดให้ขณะที่ท่านหลับตาอยู่เช่นนั้น เมื่อปรากฎเช่นนี้
บรรดาศานุศิษย์คิดว่าหลวงพ่อคงจะมีอาการเจ็บป่วยมากทีเดียว เพราะหลวงพ่อเป็นคนสะอาดและไม่เคยที่จะปรากฎการเช่นนี้ จึงได้รีบไปตามหมอ แต่ดูเหมือนโชคจะไม่ใคร่ดีสักหน่อย เนื่องจากหมอประจำตัวหลวงไม่อยู่เสียจึงได้ไปรับหมออื่นมา เมื่อหมอมาถึงได้ทำการตรวจและดูอยู่ขณะหนึ่ง หมอจึงบอกว่า " ลมหายใจน้อย" บรรดาศานุศิษย์ได้เห็นเช่นนั้นจึงได้รีบจัดเรือส่งโรงพยาบาลจังหวัดโดยด่วน แม้ว่าเวลาจะล่วงเข้าเกือบสามทุ่มแล้วก็ตาม เพราะบรรดาศานุศิษย์ทุกคนปรารถนาไว้ว่าจะพยายามพยาบาลหลวงพ่อให้ดีที่สุดในชีวิต แต่แล้วพอเรือออกมาจากวัดได้ประมาณ 10 กว่านาที หมอได้ร่วมไปกับเรือหลวงพ่อได้บอกกับศานุศิษย์ว่าหลวงพ่อได้เสียแล้ว ทุกคนตกตลึง
ด้วยคาดไม่ถึงว่าหลวงพ่อจะรีบด่วนจากไปเสียก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล ที่บรรดาศานุศิษย์ตั้งใจจะพยาบาลหลวงพ่อ ทุกคนจึงเร่งรีบให้ถึงโรงพยาบาลเร็วที่สุด แต่ก็หมดหวังเสียแล้ว จึงได้พาร่างของหลวงพ่อกลับมาสู่ ณ ที่หลวงพ่อเคยพำนักอยู่ตลอดมาเป็นเวลา 40 ปีเศษ ทิ้งความเศร้าโศรกแก่ศานุศิษย์เป็นอย่างยิ่ง
แต่ก็เป็นกฎของธรรมชาติที่มีเวียนว่ายตายเกิด แต่ใครเล่าจะอดเศร้าใจเสียมิได้ในเมื่อร่มโพธิร่มไทรที่พักพิงอย่างร่มเย็นนั้น บัดนี้ได้สิ้นไปแล้วไม่มีวันกลับมาอีก
ถ้าหากดวงวิญญาณของหลวงพ่อสถิตอยู่ ณ ที่ใด ขอหลวงพ่อจงได้ปกป้องรักษาคุ้มครองศานุศิษย์ของหลวงพ่อนั้นด้วยเทอญ
พระคุณท่านได้จากไปแล้วแต่ บารมีของหลวงปู่ยังคงอยู่ตลอดไป
หลวงปู่มรณภาพเมื่อวันที่ 29. ก.ย. 08 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 11 วันพุธ เวลา 4 ทุ่ม 40 นาที
ราคาปัจจุบัน
-
จำนวนผู้เข้าชม
3752 ครั้ง
สถานะ
ขายแล้ว
โดย
ชื่อร้าน
ตั้มฅนนนท์
URL
เบอร์โทรศัพท์
0995199043
ID LINE
taurus11mm
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
3. ธนาคารกสิกรไทย / 006-1-39808-2
4. ธนาคารไทยพาณิชย์ / 403-4-82856-3




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี